เป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงความสามารถของบริษัทในการนำเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นไปทำให้งอกเงย ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ (Net Income) หารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) ค่า ROE ยิ่งสูงยิ่งดี โดยนักลงทุนมืออาชีพจะมองหาหุ้นที่มีค่า ROE สูงกว่าร้อยละ 12 - 15 อย่างต่อเนื่องหลาย ๆ ปี
หากนำค่า ROA และ ROE มาพิจารณาแล้ว จะพบว่าอัตราส่วนทั้งสองมีความคล้ายคลึงกัน คือ เป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการทำกำไรของบริษัท จุดแตกต่างกันที่สำคัญของอัตราส่วนทั้งสองจะอยู่ที่ "หนี้สิน" ของบริษัท เนื่องจากสินทรัพย์ (Assets) เท่ากับผลรวมของหนี้สิน (Liabilities) และส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)
ดังนั้น จากสูตรการหาค่า ROA และ ROE จะเห็นว่าถ้าบริษัทไม่มีหนี้สินหรือหนี้สิน (Liabilities) มีค่าเท่ากับ 0 เราจะคำนวณค่า ROA ได้เท่ากับ ROE แต่หากบริษัทมีหนี้สินเยอะ อาจทำให้ค่า ROA ที่ได้มีค่าต่ำ ในขณะที่ ROE มีค่าเท่าเดิม ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ควรระวังหากพิจารณาเฉพาะค่า ROE ที่สูง ๆ โดยไม่พิจารณาถึงหนี้สินของบริษัท
Return On Equity (ROE)
อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น