การที่บริษัทหลักทรัพย์เรียกให้ลูกค้านำเงินสดมาวางเป็นหลักประกันเพิ่มเติม เพื่อให้มูลค่าหลักประกันของลูกค้า เทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ใน Margin Account ของลูกค้านั้นคิดเป็นอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า Maintenance Margin Rate ที่ถือเป็นเกณฑ์ Margin Call
สมติว่า Maintenance Margin Rate ที่เป็นเกณฑ์ Margin Call เท่ากับร้อยละ 35 สำหรับการกู้เงินซื้อหลักทรัพย์ หากนาย ก. ซื้อหุ้นมูลค่า 100,000 บาท โดยวางหลักประกัน 50,000 บาท ไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ เมื่อราคาหลักทรัพย์ที่ซื้อไว้ต่ำลงเหลือ 75,000 บาท เป็นเหตุให้หลักประกันของลูกค้ามีมูลค่าเหลือ 25,000 บาท [คือ 50,000 - (100,000 - 75,000)] เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ปัจจุบัน 75,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.33 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ Margin Call
ในกรณีนี้บริษัทหลักทรัพย์จะเรียกให้นาย ก. นำเงินมาวางมาร์จิ้นเพิ่ม เพื่อให้มูลค่าหลักประกันเทียบกับยอดมูลค่าหลักทรัพย์ปัจจุบันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35 ซึ่งกรณีนี้มูลค่าหลักประกันโดยรวมจะต้องสูงกว่า 26,250 บาท (หรือร้อยละ 35 ของ 75,000 บาท) ดังนั้น นาย ก. ต้องนำเงินมาวางเพิ่ม 1,250 บาท (หรือ 26,250 - 25,000 บาท) เป็นต้น
หลักเกณฑ์นี้ได้นำมาใช้กับลูกค้า Short Sell ด้วย คือ ถ้าราคาหลักทรัพย์ที่ลูกค้าขายชอร์ตไว้เกิดสูงขึ้น เกิดผลขาดทุนจนมูลค่าหลักประกันเทียบกับมูลค่าหุ้นที่ขายชอร์ตไว้ คิดเป็นอัตราที่ต่ำลงมาถึงระดับที่เป็นเกณฑ์ Margin Call แล้ว ก็ต้องมีการเรียกหลักประกันเพิ่มเช่นเดียวกัน
Margin Call
การเรียกหลักประกันเพิ่ม